Thursday 20 June 2013

Start




17-6-13 

มันเป็นสัจจะระหว่าง มือ เข็ม ด้าย
แทงเข็มลงไป ดึงด้ายขึ้นมา นั่นคือ 1 ฝีเข็ม ไม่มีทางลัดอื่น
กว่าจะเสร็จงานซักหนึ่งชิ้น คงไม่มีใครมานั่งนับว่า
มันถูกเย็บไปกี่ฝีเข็ม เหมือนที่มีคนชอบถามว่า
แผลที่ขาทั้ง 2 ข้างจากอุบัติเหตุคราวนั้นถูกเย็บไปกี่เข็ม

ตอนที่เนื้อของฉันฉีกขาด ฉันน่าจะบ้าพอ
ขอหมอลุกขึ้นมาปัก เป็น stitch อะไรซักอย่าง
ด้วยไหมเย็บแผล เพื่อเหลือให้เป็นร่องรอย
ฉันนี่แหละ นักปัก

ขอบคุณพี่อ้อย มนทิรา ที่พาฉันกลับไปยังจุดตั้งต้
ที่อยากจะเขียนหนังสือ แล้วทำภาพประกอบด้วยงานปัก
งานผ้าแอบพลิเก้ แล้วเผลอ ๆ อาจจะมีงานวาดเข้าไปด้วย
ที่จริงแล้วไม่ได้อยากจะทำหนังสือสอนปักผ้าอะไรเลย
แค่ไม่รู้ว่า ควรจะเอางานปักไปเสนอในมุมไหน

พี่อ้อยว่า ต่อให้หนังสือฉันเก๋แค่ไหน มันก็จะถูกจับไปอยู่
ในหมวดหมู่ บนชั้นหนังสือสอนปักผ้า แม่บ้าน ๆ พวกนั้น
แน่ใจหรือว่ามันจะเด้งพอ แน่ใจหรือว่าคนอ่านกลุ่มนั้
อยากจะเด้งไปกับฉันด้วย
ส่วนใหญ่แล้ว คนก็อยากดูหนังสือแปลจากญี่ปุ่นอยู่ดี

ขอบคุณพี่อ้อยที่สนใจในตัวฉัน ขอบคุณกัญ ที่แนะนำไป
เบื้องต้นพี่อ้อยจะสัมภาษณ์เล็ก ๆ ลงใน vivi ก่อน
จากนั้นคงเป็น project อีกยาวไกล กว่าฉันจะเขียนเรื่องผ่าน
พี่อ้อยไม่ห่วงเรื่องภาพประกอบ
ฉันก็ว่างั้น ห่วงแต่งานที่จะเขียน
ฉันจะไม่รีบร้อน แต่ก็จะไม่ยอมชักช้า
ต่อแต่นี้ก็คงมีแต่เฆี่ยนตัวเองให้ขยันขึ้น
คงต้องยอมซีเรียสไปอีกพักใหญ่
ต้องรีบทำ ผู้หญิงคนที่ 2 ให้เสร็จซะก่อน
แล้วค่อยมา focus เรื่องหนังสือ
แล้วจะต้องปรับปรุงหลักสูตรการสอนสำหรับครอสต่อไปอีก

ฉันเคยอยากลาออกจากชีวิตตัวเอง ด้วยเรื่องงี่เง่าสุด ๆ
ไม่นึกเลยว่า ต้องรอให้เป็นสาวใหญ่มาก ๆ ก่อนหรือนี่
ถึงจะมายังจุดที่สนุกที่สุด
ฝากถึงสาวน้อยทั้งหลาย ทำอะไรได้ ก็รีบทำเถอะ
อย่ารอให้เป็นสาวใหญ่อย่างฉัน มันจะรนไปหมด

คำชมที่ดีที่สุดของการคุยกันเมื่อวาน
พี่อ้อยบอกว่า ฉันทำให้ภาพลักษณ์เรื่องการปักผ้า
ในหัวของพี่อ้อยเปลี่ยนไป :))

No comments:

Post a Comment